ณ วันที่ 03/05/2556
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. และนายสมศักดิ์ ตัณฑชน ประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาทองปลอม สมาคมค้าทองคำ ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวแก๊งตุ๋นทองปลอม ประกอบด้วย 1.นายสมบัติ พวงเพชร อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 159/2556 ลงวันที่ 25 มี.ค.2556 ในข้อหาฉ้อโกง 2.นายสายันต์ พูลเกิด อายุ 32 ปี 3.นายวรวุฒิ ไกรจันทร์ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 532/2554 ในข้อหา ฉ้อโกง 4.นายกิตติ สระปัญญา อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 1388/2555 ลงวันที่ 23 พ.ย. 2556 และ 5.น.ส.อนุสรา ปั้นขุนทด อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 27/2556 ลงวันที่ 8 ม.ค.2556 โดยจับกุมตัวนายสมบัติ นายสายันต์ และนายวรวุฒิ ได้ที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี และขยายผลจับกุมตัวนายกิตติ และน.ส.อนุสรา ได้ที่บริเวณหมู่บ้านพุทธชาด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำปลอม หนัก 2 บาท จำนวน 3 เส้น
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากสมาคมค้าทองคำ ได้ประสานขอความร่วมมือมายัง บช.น. ในการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับแก๊งผลิตทองปลอม ที่ผลิตทองปลอมขึ้นมา เพื่อตระเวนขาย จำนำตามร้านทองและโรงรับจำนำ ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ต่อมาบก.สส.บช.น. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายสมบัติ เป็นหัวหน้าแก๊งตุ๋นทองปลอม โดยจะนำสร้อยคอทองคำปลอมที่ยัดไส้ในด้วยโลหะชนิดต่างๆ จนมีน้ำหนักเท่ากับของจริง และประทับตราสัญลักษณ์ของร้านทองผู้ผลิตลงบนทอง ก่อนจะให้ลูกน้องนำไปจำนำกับร้านค้าทองตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งกลุ่มของนายสมบัติ มักจะรวมตัวกันอยู่ที่ร้านสนุกเกอร์แห่งหนึ่ง ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี ตระเวนก่อเหตุตามร้านทองต่างๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2543 ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 13 ปี แก๊งของนายสมบัติ สามารถนำทองปลอมหนัก 2 บาท ไปจำนำได้เดือนละประมาณ 10 เส้น มีรายได้ถึง 1 แสนบาท หลังหักจากต้นทุนแล้ว รวมมูลค่าความเสียหาย 15 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.ต.ประยนต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. นำโดย พ.ต.อ.นพศิลป์ ได้นำกำลังติดตามแก๊งของนายสมบัติกับพวก จากร้านสนุกเกอร์ ย่านบางบัวทอง ไปจนถึง อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งนายสมบัติกับพวกได้นำทองปลอมไปหลอกขายที่ร้านทองในตลาดหนองแค จึงทำการจับกุมตัวพร้อมกับยึดของกลางสร้อยคอทองคำปลอมหนัก 2 บาท ได้จำนวน 3 เส้น จากนั้นจึงขยายผลไปจับกุมตัวนายกิตติและน.ส.อนุสรา ที่ย่านบางบัวทอง จากการสอบสวนนายสมบัติ ให้การว่า สร้อยคอทองคำปลอมที่นำไปจำนำนั้น เป็นของนายโจ้ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง โดยนำมาขายให้นายสมบัติราคาเส้นละ 20,000 บาท หากจำนำจะได้เส้นละ 32,000 – 35,000 บาทส่วนสมาชิกในแก๊งที่ทำหน้าที่ดูต้นทางและนำทองปลอมไปจำนำจะได้ค่าจ้างเส้นละ 1,500 -2,000 บาท ส่วนนายสมบัติได้ส่วนแบ่งเส้นละ 8,000 -10,000 บาทนายสมบัติกับพวกจะใช้วิธีการนำทองปลอมไปจำนำ ไม่ใช้วิธีการขาย เพราะร้านค้าจะใช้การทดสอบแค่ชั่งน้ำหนัก และดูสภาพภายนอก ไม่สามารถใช้วิธีการเผาไฟหรือการตะไบเนื้อทองได้เหมือนการขายขาดได้ เพราะจะทำให้ทองที่นำมาจำนำเสียหายมาก ทำให้พนักงานร้านทองหรือโรงรับจำนำที่ขาดความชำนาญหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อ
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การที่กลุ่มมิจฉาชีพนำทองปลอมมาหลอกจำนำตามร้านทองต่างๆ นั้น ทำให้แต่ละร้านได้รับความเสียหายมูลค่า 2 แสนบาทต่อปี ร้านทองที่มีอยู่ในประเทศไทยกว่า 6,000 ร้าน รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดก็อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท ต่อปี ทางสมาคมค้าทองคำจึงประสานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยเร่งรัดจับกุมแก๊งทำทองปลอม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการทลายแหล่งผลิตทองปลอมไปแล้ว 2 แห่ง และจับกุมผู้ต้องหาได้หลายราย ต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมา
ทั้งนี้จุดอ่อนของร้านทองคือการขายฝาก ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบด้วยวิธีการตะไบหรือเผาไฟได้ คนที่ทำจะต้องเป็นช่างทอง คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ ทองปลอมที่แก๊งมิจฉาชีพทำขึ้นมาข้างนอกจะเป็นทองจริง ข้างในอาจเป็นเงินหรือโลหะอื่นๆ แล้วใช้วิธีการหุ้ม ทั้งนี้อยากให้ร้านทองระมัดระวังในการรับซื้อหรือรับจำนำ โดยให้ตรวจสอบดูน้ำหนักและตรวจสอบความยืดหยุ่นของทอง หากเป็นของจริงจะมีความยืดหยุ่น หากเป็นทองปลอมจะยัดไส้แข็ง ไม่สามารถบิดได้เหมือนของจริง และหากสงสัยให้ตะไบบริเวณเส้นของทองหรือใช้ไฟเป่า หากเป็นทองปลอมจะพบโลหะสีอื่นอยู่ด้านใน
จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่านายสายันต์ มีหน้าที่นำทองปลอมไปจำนำ ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ที่ จ.สุพรรณบุรี อยุธยา และสระบุรี ส่วนนายวรวุฒิ มีหน้าที่ดูต้นทางและนำทองปลอมไปจำนำ ก่อเหตุมาแล้วทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2553 สำหรับนายกิตติ มีหน้าที่นำทองปลอมไปจำนำ ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ในพื้นที่ สน.ประเวศ สน.ลาดพร้าว และสภ.ประตูน้ำจุฬา จ.ปทุมธานี ในส่วนของ น.ส.อนุสรา มีหน้าที่นำทองปลอมไปจำนำเช่นกัน ก่อเหตุมาแล้ว 2 ครั้ง ในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว และสน.บางขุนเทียน
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฉ้อโกง และปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งท้องที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งทำการสืบสวนขยายผลถึงต้นตอที่เป็นผู้ผลิตทองปลอม เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
ผู้ชม