กฎหมายฟอกเงิน(ปปง.)ซึ่งบางท่านอาจมองว่าไกลตัว
คงไม่ต้องสนใจอะไรมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามกฎหมายแล้ว ผู้มีหน้าที่รายงานธุรกรรมฯ จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลเท่านั้น (บริษัท, หจก., หสน.) ร้านทองโดยส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งไม่ต้องรายงานธุรกรรม แล้วจะต้องสนใจกฎหมายดังกล่าวนี้เพื่ออะไรล่ะ? หลายท่านคงมีคำภามในใจ ถ้าเช่นนั้นลองพิจารณาอย่างนี้ครับ ท่านเห็นข่าวคราวการจับแก๊งค้ายาเสพติดในช่วงนี้ไหม เมื่อเจ้าหน้าที่จับคนร้ายได้ซึ่งคดีเข้าข่ายกฎหมายฟอกเงิน มักพบว่า ทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่ถูกอายัดไว้นั้น จะมีทองคำรวมอยู่ด้วยเสมอ เนื่องจากผู้ต้องหามักนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดกฎหมาย มาซื้อทองคำเก็บไว้ คราวนี้แหละครับเกี่ยวกับร้านทองทันที ดังมีตัวอย่างนายตำรวจระดับสูงลักลอบขนยาบ้าทางภาคเหนือ ซึ่งเหตุการณ์นี้ เมื่อตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหาพบว่ามีทองคำ 15 แท่งรวมอยู่ด้วยเป็นต้น ทั้งนี้ กฎหมาย ปป. ระบุว่า ในกรณีบุคคลธรรมดานั้น แม้ไม่ต้องรายงานฯ แต่สำนักงานฯ ปปง. มีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบการฯ รายงานธุรกรรมตามที่เห็นเหมาะสม
หลายท่านคงบอกว่า ลูกค้าตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า ลูกค้าคนไหนจะเป็นบุคคลที่จะเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายฟอกเงิน ดังนั้น สิ่งที่ผมจะบอกวันนี้ คือ ท่านควรมี “เกราะป้องกันตัว” ทำอย่างไรนั่นหรือครับ สิ่งที่ร้านทองบุคคลธรรมดาควรปฏิบัติ คือ ทำการบันทึกข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับเก็บข้อมูลหลักฐานฯ เช่นสำเนาบัตรประชาชน (ถ้าสามารถทำได้) และควรมีการจดทะเบียนใบอนุญาตค้าของเก่าให้ถูกต้อง เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเช่น คนร้ายถูกจับและถูกอายัดทรัพย์สิน และบังเอิญว่ามีทรัพย์สินเป็นทองคำทีอาจซื้อมาจากร้านค้าทองของท่าน ท่านก็จะสามารถแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าทางร้านฯ ได้มีการบันทึกข้อมูลในการซื้อขายกับบุคคลดังกล่าวไว้ ซึ่งถือเป็นการค้าขายโดยปกติเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และไม่ต้องตกอยู่ในข่ายร่วมกันฟอกเงิน หรืออาจมีความผิดตามมาตรา5 การโยกย้ายทรัพย์สินร่วมกับผู้ต้องหาเหล่านี้ นี่แหละคับที่บอกว่า ท่านควรมี “เกราะป้องกันตัว” ก็เพื่อไม่ให้การค้าขายต้องสะดุดลงจากเหตุที่ท่านไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย
ขอบคุณภาพจาก http://www.rapidcounter.com
ที่มา : จุลสารทองคำ ประจำเดือน ตุลาคม 2557
พิมพิ์แจก สมาชิกสมาคมค้าทองคำ ทั่วประเทศไทย