จับตาการเคลื่อนไหวราคาทองใกล้ชิด หวั่นเกิดมรสุมลูกใหม่มาทดสอบตลาด

ณ วันที่ 08/07/2555

 

หลังจากที่ราคาทองคำในประเทศค่อนข้างจะเงียบเหงามาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยราคามีการปรับตัวขึ้นลงอยู่ในช่วงแคบ ๆ จนกระทั่งในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ราคาทองคำได้ร่วงลงมาแตะที่ระดับราคา 1,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากกองทุนในตลาดโลกขาย จากที่ได้กำไรราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก่อนหน้านี้ ราคาจึงอยู่ระหว่างการปรับฐาน เพื่อหาทางปรับราคาขึ้น อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่สนับสนุน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำก็ได้ขยับขึ้นมาอีกรอบแต่ยังไม่มากนัก ทั้งนี้ มองว่าการเคลื่อนไหวของทองคำในตลาดโลกระยะสั้นยังเป็นขาลง และมีโอกาสปรับลดลงหลุดระดับต่ำสุดของปีก่อน ที่ 1,522 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากนักลงทุนจะเข้าสะสมทองคำ สามารถรอเข้าสะสม เมื่อระดับราคาลดลงมาถึง 1,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือราคาทองคำในประเทศ ที่ต่ำกว่า 23,000 บาท หรือไม่ก็ควรจะเน้นการลงทุนในช่วงสั้นเข้าออกเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมของราคาทองคำในไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาจะนิ่ง ๆ ไม่ค่อยขยับ แต่หากจะมองราคาในต่างประเทศนั้นมีการขึ้นลงเป็นร้อยเหรียญ แต่ราคาเมืองไทยไม่ขยับมาก เพราะตอนช่วงราคาทองขึ้น ค่าเงินบาทก็อ่อนค่า มันเลยทำให้เหมือนกับว่าไม่ได้เปลี่ยนไปมาก ซึ่งจะต่างจากช่วงปลายปี 54 ที่ราคาผันผวนมาก จนทำให้นักลงทุนที่เข้ามาเล่นในตลาดฟิวเจอร์สขาดทุนไปหลายราย ทำให้หลายคนเริ่มขยาด แต่ก็จะเป็นผลบวกต่อตลาดในแง่การพัฒนาความเข้าใจ เพราะคนที่เข้ามาจะต้องมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญจริง ๆ รวมถึงผู้ที่เข้ามาในตลาดนี้จะเป็นผู้ที่ใช้ประโยชน์จากตลาดฟิวเจอร์สอย่างแท้จริง

ส่วนเรื่องของอีทีเอฟยิ่งแย่ใหญ่ เพราะดูเหมือนนักลงทุนจะไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ หรือว่านักลงทุนยังไม่ค่อยรู้จักตลาด ซึ่งต้องประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น ทั้งนี้ อีทีเอฟ ในประเทศไทยมี 2 ชนิด ชนิดแรกซื้อทองและลงทุนในต่างประเทศ อีกชนิดคือซื้อทองในเมืองไทยแล้วอ้างอิงราคาทองสมาคมฯ แต่ทั้ง 2ชนิด ยังคงเงียบเหงา อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ตลาดซบเซาลงก็เป็นได้

สุดท้ายแล้ว คนไทยก็ยังนิยมตลาดทองแท่งมากกว่า เพราะถ้าขาดทุนก็เก็บไว้ระยะยาวได้ ไม่เหมือนฟิวเจอร์ส แม้ว่าปัจจุบันจะลดค่าธรรมเนียมลง เพื่อจูงใจนักลงทุนแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะนักลงทุนหลายคนเริ่มกลัวเพราะมีความเสี่ยงสูง ถ้าซื้อผิดข้างก็ต้องจ่ายหลายเท่า ตลาดฟิวเจอร์สอาจจะมองได้ว่าที่ผ่านมามันโตเพราะความหวือหวา แต่ปัจจุบันต้องเป็นนักลงทุนจริง ๆ ถึงจะเข้ามาลงทุนในฟิวเจอร์ส ไม่ใช่ว่าเข้ามาเล่นเก็งกำไรอย่างเดียว

ส่วนตลาดโกลด์ออนไลน์นั้น ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่เข้ามาดำเนินการ ซึ่งเราก็เป็นห่วงว่าหากเกิดมีมิจฉาชีพต่างชาติเข้ามาในตลาด ถ้าไม่มีมาตรการดูแลควบคุมจะทำให้ผู้ที่มาลงทุนเสียหาย เพราะฉะนั้นหากต้องการจะลงทุนทองคำขอแนะนำให้ลงทุนกับร้านทอง เพราะมีความมั่นคงมากกว่า และขณะนี้หลายร้านก็ได้เปิดให้บริการแล้ว

ขณะที่ตลาดทองรูปพรรณยังไม่กระเตื้อง ด้วยเหตุผลที่ว่า 1. ทองแพงขึ้น 2. ใส่แล้วอันตราย กลัวถูกกระชากสร้อย กลัวถูกจี้ แล้วราคาทองขึ้น คนที่สวมใส่ไปข้างนอกก็ต้องระมัดระวัง ไม่กล้าโชว์เท่าไหร่ว่าเรามีฐานะ ใส่เส้นใหญ่ ๆ กลัวกันหมด เป็นอุปสรรค คนที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นการซื้อเก็บออม ซื้อมาเก็บไว้สะสม ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากซื้อ

ส่วนราคาทองในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะดีขึ้น โดยราคาในไตรมาสที่ 2 และ 3 น่าจะมีการสวิง เพราะที่ผ่านมา ดูตลาดปีนี้เหมือนจะนิ่ง แต่สุดท้ายก็มีการสวิงเยอะมาก และนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรทองคำขาดทุนไปพอสมควร ทำให้พวกที่มาลงทุนต้องระมัดระวัง เพราะฉะนั้นช่วงนี้กองทุนใหญ่ ๆ อยากจะให้ราคาทองสูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องสลัดกลุ่มที่ถือทองในราคาสูงออกก่อน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข่าวที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นที่จะเข้ามาสนับสนุน แต่เชื่อว่าจากนี้ไปจะต้องมีเหตุการณ์ราคาทองขึ้นลงแรงเกิดขึ้นอีก จึงอยากให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการลงทุน และควรจะติดตามข่าวสารและสถานการณ์การเคลื่อนไหวในตลาดทองคำ ทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด

 

ที่มา : คอลัมน์ “คุยกับนายกสมาคม” (คุณจิตติ  ตั้งสิทธิ์ภักดี)

วารสารทองคำ ฉบับที่ 35  โดยสมาคมค้าทองคำ 

www.goldtraders.or.th